OPEN & CLOSED STANCE GROUND-STROKES (Thai/Eng)
ท่าเปิด (Open Stance) และท่าปิด (Closed Stance) ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียของตัวเอง และหากคุณต้องการเล่นเทนนิสในระดับสูง คุณต้องสามารถใช้ทั้งสองท่านี้ได้ระหว่างการแข่งขัน
ต่อไปนี้คือสถานการณ์ที่เหมาะกับการใช้ท่า Open Stance และเหตุผลที่ควรใช้:
OPEN STANCE
CLOSED STANCE
Go ahead and experiment with both open and closed stance options. If you are weak in either of these options, consider taking lessons from an experienced teaching professional to become more proficient.
แน่นอนตั้งแต่เริ่ม — คุณจำเป็นต้องใช้ทั้งสองท่า!
ท่าเปิด (Open Stance) และท่าปิด (Closed Stance) ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียของตัวเอง และหากคุณต้องการเล่นเทนนิสในระดับสูง คุณต้องสามารถใช้ทั้งสองท่านี้ได้ระหว่างการแข่งขัน
ต่อไปนี้คือสถานการณ์ที่เหมาะกับการใช้ท่า Open Stance และเหตุผลที่ควรใช้:
ท่าเปิด (OPEN STANCE)
-
เหมาะกับลูกสูง
ช่วยสร้างพลังและรักษาสมดุลได้ดีกว่า เมื่อลูกบอลอยู่สูง การสร้างพลังในการตีอาจทำได้ยาก ท่า Open Stance ช่วยให้คุณสามารถใช้การหมุนของลำตัวส่วนบนเพื่อสร้างการแบ็คสวิงและฟอลโลว์ทรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ -
ช่วยอำพรางเจตนาในการตีลูก
โดยเฉพาะลูกกลางคอร์ตที่ต้องการจบแต้ม คุณต้องการให้คู่ต่อสู้เดาไม่ออกว่าคุณจะตีไปมุมไหน ท่าเปิดทำให้ท่าทางก่อนตีดูเหมือนกันทุกครั้ง คุณเพียงแค่เปลี่ยนตำแหน่งจุดสัมผัส (เร็วหรือช้า) เพื่อเปลี่ยนทิศทางของลูก -
ฟื้นตัวได้ง่ายหลังจากวิ่งไปรับลูกกว้าง
เพราะท่า Open Stance อาศัยการหมุนของลำตัวส่วนบนในการตีลูก การฟอลโลว์ทรูจึงหมุนร่างกายกลับเข้าสู่ตำแหน่งกลางสนามโดยอัตโนมัติ เป็นการฟื้นตัวที่ต่อเนื่องและราบรื่น -
เหมาะกับลูกลึกและเร็ว
ลูกที่ลึกและเร็วอาจทำให้คุณตีลูกช้าเกินไป แต่ท่า Open Stance สร้าง “กำแพง” ด้วยลำตัวของคุณ และเพราะใช้การหมุนของลำตัวในการแบ็คสวิง โอกาสที่คุณจะตีลูกช้าจึงน้อยลง การเคลื่อนไหวแบบชิ้นเดียว (one-piece movement) นี้ช่วยลดความผิดพลาดที่อาจเกิดจากการเคลื่อนไหวหลายส่วน -
ช่วยให้คุณมองเห็นสิ่งรอบข้างได้ดีกว่า
ลองจินตนาการว่าคู่ต่อสู้วิ่งขึ้นหน้าเน็ตเพื่อเตรียมวอลเลย์ หน้าที่ของคุณคือตีลูกผ่านหรือยกบอลลอบไปเหนือหัว การใช้ท่า Open Stance จะช่วยให้คุณสามารถใช้ “วิสัยทัศน์รอบข้าง” (peripheral vision) มองเห็นคู่ต่อสู้ออกหางตาและตัดสินใจได้ทันทีว่าจะตีผ่านด้านไหน หรือจะเลือกตีลูกลอบ
ท่าปิด (CLOSED STANCE)
มักใช้ในกรณีต่อไปนี้:
-
เมื่อต้องตีลูกสั้นและต่ำพร้อมเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
เหมาะสำหรับการตีลูกแนว underspin เข้าหาคู่ต่อสู้ -
ช่วยอำพรางลูกจบแต้มจากกลางคอร์ต
หากคุณตีลูกช้ากว่าปกติในการหมุนลำตัว คุณสามารถตีลูก inside-out ได้
แต่หากหมุนเร็วขึ้น คุณจะสร้างจุดสัมผัสที่เร็วกว่าและสามารถตีลูกครอสคอร์ตได้ -
เหมาะกับจุดสัมผัสที่ช้ากว่า
-
เป็นตัวเลือกที่ดีเมื่อรับลูกที่มาตรงกลางสนาม
สรุป:
เกือบทุกลูก ground stroke หรือ return of serve ที่คุณตี สามารถใช้ได้ทั้งท่าเปิดและท่าปิด ขึ้นอยู่กับว่าลูกนั้นๆ เหมาะกับท่าไหน
จงฝึกใช้ทั้งสองท่านี้อย่างสม่ำเสมอ หากคุณยังไม่ถนัดท่าใดท่าหนึ่ง ควรพิจารณาเรียนกับโค้ชมืออาชีพเพื่อพัฒนาทักษะให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น!
Comments
Post a Comment